สะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับแสงแดดที่ ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา คิดในใจว่า สายแล้ว รีบเด้งขึ้นจากเตียงดูนาฬิกา
เฮ้ย อะไรอะ "ขณะนี้เวลา ตี 4 กับอีก 45 นาที " หน้านี้ที่ญี่ปุ่นเช้าเร็วครับ ตี 5 แดดออกเหมือนบ้านเรา 7 โมงเช้า นอนต่ออีกแปบบ แล้วต่อยตื่นมาอาบน้ำ ล้างหน้า แปลงฟัน
ความพิเศษของโรงแรมในเครือ Toyoko Inn คือ มีอาหารเช้าให้เรากินครับ สบายไปอีกมื้อ ซึ่งเป็นอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นครับ โรงแรมนี้ส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่นพักครับ ต่างชาติน้อยมาก ที่นั่งกินข้าวไม่ค่อยพอ ต้องนั่งรวมกับคนอื่นๆครับ เพราะเป็น โรงแรมเล็กๆ
หน้าตาอาหารเช้าครับ น่ากินมั้ยครับ เป็นแบบให้เราตักเอง ครับ แต่เห็นคนญี่ปุ่นตักกันแค่ครั้งเดียว เลยไม่กล้าตักอีกรอบ
สำหรับวันนี้เป็นปลาแซลมอลย่าง ไข่หวาน สปาเก็ตตี้ ข้าวคลุก อะไรไม่รู้ครับ แต่อร่อยมาก กับซุปมิโซ และมีขนมปัง เนย หรือแยม ครับ "'งานนี้กินแบบญี่ปุ่นจ๋าครับ เพราะมีตะเกียบให้อย่างเดียวไม่มีช้อน ไอ้สปาเกตตี้ในรูปข้างไข่หวาน คีบไม่ได้ครับมันลื่น เลยอดกิน " ตบท้ายด้วยกาแฟ 1 แก้ว ฟินกันไปไม่เสียตังเพิ่ม
"สำหรับวันนี้เราจะไปเมือง โนโบริเบทสึ เมืองแห่งออนเซ็น นั่งรถไฟจากซับโปโรไปประมาณ 1 ชม. 15 นาที ซึ่งตอนแรกคิดว่า ถ้าไม่ไปแช่ออนเซ็น คงจะไม่มีอะไรเที่ยวมาก แต่ต้องไปเพราะมันใกล้ ซับโปโร แต่พอไปเมืองนี้มีเสน่ห์ น่าสนใจว่าที่คิดไว้ครับ"
ถึง สถานี้ JR Sapporo ประมาณ 8 โมงกว่าๆ (รูปสถานีใช้ภาพเก่านะครับ) วันนี้ยัง 10 องศาเหมือนเดิมครับ แต่รู้ทันแล้ว ใส่เสื้อ 3 ชั้น พกพาพันคอไปเผื่อครับ
"สำหรับการเดินทางไป โนโบริเบทสึ โดยไม่ใช้ JR PASS แนะนำให้ซื้อตั๋วแบบไป - กลับ ครับ จะได้ลดราคาจากปกติ ไป- กลับ จาก 7,920 เยน เหลือเพียง 4,160 เยน เข้าไปซื้อที่ห้องขายตัว บอก Round-Trip Noboribetsu จะได้ตั๋วมา 2 ใบ ใบหนึ่งใช้นั่งรถไป อีกใบใช้นั่งรถกลับครับ"
ได้ตั๋วแล้วก็ไปโลดครับ วิธีหาว่าจะขึ้นรถชานชลาไหน ง่ายสุดคือ เดินไปที่ Information ตรงประตูทางเข้า ยื่นตั๋วให้ดูถามเลยครับ ขึ้นชานไหน เด่วเจ้าหน้าที่บอกเอง ง่ายสุด
รถที่เราขึ้นไปวันนี้เป็นรถด่วน LTD. EXP HOKUTO ไปฮาโกดาเตะครับ ออกเวลา 8.34 น. ตั๋วเรานั่งตู้แบบ Non-reserved เหมือนเดิมครับ ขึ้นให้ถูกตู้ จะมีเขียนไว้ข้างตู้ทุกตู้ครับ ก่อนไปซื้อน้ำ ขนมในสถานีรองท้องหน่อย "รถไฟข้ามเมืองในญี่ปุ่น เหมือนบ้านเรา คือซื้อขนม ซื้อข้าวขึ้นไปกินบนรถได้ครับ ตามสบาย และมีข้าวกล่อง น้ำ ขนม ขายบนรถครับ ไม่ต้องกลัวอด"
ตู้ Non-reserved คนน้อยครับ ว่างมากเลือกนั่งตามสบาย ได้นั่งคนเดียว ชิวๆครับ ถ้ามาหลายคนหันเบาะเข้าหากันได้ครับ
ที่นั่งฝั่งละ 2 คนครับ
รถไฟผ่านเมือง ป่าเขา ริมทะเล วิวสวยดี
โนโบริเบทสึ ต้องลงกลางทาง แต่ไม่ต้องกลัวเลย เพราะมีภาษาอังกฤษประกาศตลอดทาง ประมาณ รถไฟขบวนนี้วิ่งไป ฮาโกดาเตะ ผ่านสถานีอะไรบ้าง สถานีหน้า คือสถาานี...... เตือนเป็นระยะ
ที่เห็นอยู่ลิบๆ เลยถนนไป คือ ทะเล ครับ
ประมาณ 9.51 น. ถึงโนโบริเบทสึ พร้อมฝนตกปรอยๆ ครับ ยิ่งหนาวขึ้นไปอีก
ถึงสถานีมั่นใจมาก เราศึกษาหนังสือมาแล้ว ออกไปป้ายรถเมล์ ขึ้นรถไปเที่ยวเลยครับ พอไปถึงต้องเจอกับความมึนครับ เพราะในหนังสือบอก มีรถเมล์ 4 สาย คือ NA NB NC ND แต่ของจริงรถมันเหมือนกันทุกสาย เป็นรถเมล์สีเขียวหมด หน้ารถเป็นภาษาญี่ปุ่นไม่มี NA NB สักตัว ฝนก็ตก หนาวก็หนาว กลับไปตั้งหลักในสถานี โนโบรึเบทสึก่อน ดีกว่า ยังงัยก็อุ่นกว่าข้างนอก
กลับเข้าไปในสถานี เจอน้องผู้หญิง 2 คน กำลังคุยกันเรื่องไปเที่ยวในโนโบริเบทสึ เป็นภาษาไทยแววมา คงงงเหมือนกัน คิดในใจเอาวะ งานนี้ต้องหาแนวร่วมมาช่วยกันหลง เลยเนียนๆให้น้องช่วยถ่ายรูป แล้วชวนคุยเรื่องขึ้นรถเมล์ไปเที่ยวในเมืองนี้
"คนเราบ้างครั้ง เหมือนเค้ากำหนดมาให้ต้องรู้จักกัน คุยกับน้องได้สักพัก รู้สึกถึงมิตรภาพที่ก่อกำเนิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความเขอะเขินเริ่มหายไป กลายเป็นการปรึกษาหารือ เรื่องนั่งรถไปที่เที่ยว จนสุดท้ายตัดสินใจที่จะ ไปเที่ยวด้วยกัน 3 คนในวันนี้"
น้องเอ๋ และเอม คือเพื่อนร่วมชะตากรรมกันในวันนี้ (จริงๆ เราขึ้น Air Asia X มาไฟร์ทเดียวกัน แต่เพิ่งเจอกันที่นี่ เพราะน้องพักที่ โอตารุ) จุดแรกที่เราจะไปคือ Date Jidaimura หมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ โชคดีที่ เอมขอตารางรถเมล์มา เราเลยรอรถที่จะผ่าน Date Jidaimura ที่จะมาจอดป้ายในตอน 10.30 น. ซึ่งรถก็มาตามเวลาเปะมากครับ รถเมล์ญี่ปุ่น
"วิธีขึ้นรถเมล์ในโนโบริเบทสึ ทางขึ้นจะอยู่ด้านหลัง ทางลงอยู่ด้านหน้า ก่อนขึ้นจะมีตั๋วเล็กๆให้หยิบก่อนขึ้นไปนั่ง และดูเลขที่ตั๋วว่าเลขอะไร เช่น 3 ตอนจะลงก็ให้ดูป้ายอิเลคโทนิคที่หน้ารถในช่องเบอร์ 3 มันจะขึ้นราคาค่ารถที่ต้องจ่าย ก่อนลงก็หยอดเหรียญตามราคาที่กล่องข้างคนขับ ถ้าไม่มีเหรียญ ใกล้กล่องหยอดเงินจะมีที่ใส่แบงก์ให้แลกเงิน แล้วค่อยเอาเงินไปหยอดตู้ แรกๆ จะงงหน่อย ขึ้น 2-3 ทีจะชิน"
นั่งรถเมล์ได้แปบนึ่ง (แปบนึ่งจริงๆ) ก็ถึงไวมาก ทำไมในรีวิวมันนั่งหลายป้าย มาซื้อตั๋วเข้า Date Jidaimura ราคา 2900 เยน แต่เดี๋ยวก่อน น้องเอ๋
ปริ้นท์ คูปองส่วนลดมา เลยได้ลดเหลือ คนละ 2700 เยน
บรรยากาศข้างใน เหมือนอยู่ในหนังญี่ปุ่น ยุคโบราณ
หันไปเห็น นินจาครับ
งานนี้เลยขอปะมือกับนินจาตัวจริงหน่อย
"คนไทยเจนนี้ ไปเที่ยวไหนเราต้องทำอะไรครับ"
บอกให้ก็ได้ "เราต้องโดดดดดครับ"
โดดที่ญี่ปุ่น สำเร็จแล้ว 555
เพลิดเพลินกับบรรยากาศ หมู่บ้านจำลองครับ
แต่ขอบอก ที่นี่ลมแรงมาก เพราะอยู่ในเขา บวกกับฝนตกอีก หนาวสุดบรรยาย
เดินได้แปบ ฝนตกอีกแล้ว สุดๆ ไปเลย ตึกนี้คือ 1 ในโรงละครครับ
แวะบ้านนินจา ได้ใจมากครับ เจอทั้งพื้นเอียง ประตูกล ประตูลับ กำแพงหมุน มันมาก ใครไปต้องเข้าให้ได้ครับ
แถมน้องสาวที่น่ารักของเรา ยังเป็นพวกชอบเปิดประตูครับ เห็นประตูไม่ได้ เปิดหมด เจอทั้งประตูตู้ไฟ ประตูห้องเก็บของ ฮากันไป
ไฮไลท์ ของ Date Jidaimura คือโชว์ต่างๆครับ ต้องดูให้ครบ คุ้มค่ามาก จะมีแสดงต่อเนื่องกันไปเป็นรอบๆ ตามลำดับ ซึ่งมีตารางเวลาโชว์แจกมาพร้อม บัตรเข้าตอนแรก ครับ
การแสดงโชว์นินจา ทั้งสนุก ตื่นเต้น และฮามากๆครับ เน้นถ่ายวิดีโอเลยมีแค่รูปเดียวครับ
การแสดง โออิรัน ที่ให้คนดู มาร่วมแสดง 1 คน เรียกความสนุก และความอ่อนช้อยของการร่ายรำของญี่ปุ่นครับ
การแสดงเรื่อง 2 สิงห์นักสืบครับ
ทุกการแสดงมี เนื้อเรื่องเป็นภาษาไทยแจกให้อ่านนะครับ ไม่ต้องกลัวดูไม่รู้เรื่อง ย้ำนะครับว่าเป็นภาษาไทย
จบการแสดงออกมาเดินเที่ยว วังจำลอง ที่มีสวนญี่ปุ่นสวยงาม ในบรรยากาศฝนปรอยๆ
เที่ยวสักพัก ท้องเริ่มหิว + อากาศหนาว เลยตัดสินใจหาราเมงร้อนๆ กินกัน ซึ่งเห็นร้านอยู่ตรงทางเข้า
น้ำตักกันฟรีครับ จะเอาน้ำเย็น ชาร้อน ชาเขียวร้อน เลือกตามสะดวก นาทีนี้ต้องชาร้อนอย่างเดียวครับ
ขอดีของญี่ปุ่นคือ อาหารไม่มีชาร์จครับ ถึงร้านจะอยู่ใน แหล่งท่องเที่ยวที่ซื้อบัตรเข้า
ราเมงชามนี้ประมาณ 850 เยน ราคาปกติครับ แต่หมูน้อยชิ้นไปหน่อย
"และยังพบเจอกันทั่วไป คือน้องคนเสิร์ฟ ฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องเช่นเดิม น้องสาวในกลุ่ม ไม่กินต้นหอม เลยบอกว่า No vegetable น้องแกทำหน้า งง ไม่เข้าใจ เลยต้องเลยตามเลย"
แต่น้องน่ารักครับ ผมเลยให้อภัย วันหลังพี่จะไปเรียนภาษาญี่ปุ่นมานะ น้องเค้าทำทุกหน้าที่ครับ รับออเด้อ เสิร์ฟ คิดเงิน ล้างจานด้วย สุดยอดจริงๆ
การแสดงสุดท้าย ของวัน โชว์กลางแจ้ง อลังการ มาดูไม่ทันครับ เพราะมั่วแต่กินราเมง มาถึง จบแล้ว
ที่นี้มีชุดญี่ปุ่น ให้เช่าใส่ได้ตั้งแต่เข้ามาเที่ยวเลยนะครับ แต่น้องเอ๋เรา ดันเพิ่งรู้ เลยเช่ามาใส่ซะหน่อยตอนจะกลับแล้วอะครับ
วันนั้นใช้เวลาอยู่ที่ Date Jidaimura กันหลายชั่วโมง อินกันมากกับที่นี่ครับ เพราะทุกคนชอบบรรยากาศ ญี่ปุ่นโบราณ กับการแสดงต่างๆ
ขอจบตอน 4 ก่อนนะครับ ติดตามตอนที่ 5 ..........สามสหาย...ลุยหุบเขานรก ต่อไปครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น